Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    golfcoursethai
    • Home
    • ข่าวสารล่าสุด
    • ความบันเทิง
    • สุขภาพ
    golfcoursethai
    ความบันเทิง

    ปั่นจักรยานใน หมู่เกาะ โลโฟเทน: การผจญภัยสองล้อที่งดงาม

    Jesse FosterBy Jesse FosterSeptember 14, 2025Updated:September 14, 2025No Comments2 Mins Read

    หมู่เกาะ โลโฟเตน (Lofoten Islands) ในประเทศนอร์เวย์ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางสายธรรมชาติไม่ควรพลาด ด้วยภูมิประเทศที่งดงามราวภาพวาด ทั้งภูเขาสูงชันที่โอบล้อมด้วยทะเลสีฟ้าใส หมู่บ้านชาวประมงที่เงียบสงบ และหาดทรายสีขาวที่ตัดกับฟยอร์ดลึก การปั่นจักรยานในโลโฟเตนจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการสัมผัสเสน่ห์ของที่นี่อย่างใกล้ชิดและช้าๆ ให้เวลากับการซึมซับบรรยากาศทุกอณูของธรรมชาติ


    เสน่ห์ของการปั่นจักรยานในโลโฟเตน

    การปั่นจักรยานในหมู่เกาะโลโฟเตนมอบประสบการณ์ที่แตกต่างจากการเดินทางโดยรถยนต์หรือเรือ คุณสามารถหยุดพักตามจุดต่างๆ ได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นริมชายหาดที่สงบเงียบ จุดชมวิวบนภูเขา หรือหมู่บ้านชาวประมงที่เต็มไปด้วยบ้านไม้สีแดงแบบดั้งเดิม ความใกล้ชิดกับธรรมชาติทำให้คุณได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ได้กลิ่นไอทะเล และได้เห็นนกทะเลบินอยู่เหนือศีรษะ

    นอกจากนี้ เส้นทางจักรยานในโลโฟเตนยังมีความหลากหลาย ทั้งทางเรียบเลียบชายฝั่งที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น และเส้นทางที่มีเนินสูงชันสำหรับนักปั่นที่ชื่นชอบความท้าทาย ทำให้ไม่ว่าคุณจะเป็นนักปั่นมือใหม่หรือมืออาชีพ ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการปั่นที่นี่ได้อย่างเต็มที่


    เส้นทางยอดนิยมสำหรับนักปั่น

    หนึ่งในเส้นทางที่ได้รับความนิยมที่สุดคือการปั่นจากหมู่บ้าน Å ซึ่งเป็นจุดใต้สุดของหมู่เกาะ ไปจนถึงเมือง Svolvær ที่อยู่ทางเหนือ เส้นทางนี้ยาวประมาณ 230 กิโลเมตร ผ่านภูมิทัศน์ที่หลากหลาย ทั้งฟยอร์ด ภูเขาสูง และสะพานที่เชื่อมหมู่เกาะต่างๆ เข้าด้วยกัน

    จุดเด่นของเส้นทางนี้คือการได้แวะชมหมู่บ้าน Nusfjord ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ที่สุดของนอร์เวย์ รวมถึงชายหาด Haukland และ Uttakleiv ที่มีทิวทัศน์งดงามจนติดอันดับโลก การปั่นจักรยานผ่านพื้นที่เหล่านี้ทำให้คุณได้เห็นมุมมองที่แตกต่างไปจากการขับรถ เพราะคุณจะได้สัมผัสบรรยากาศรอบตัวอย่างแท้จริง


    ฤดูกาลที่เหมาะสม

    การปั่นจักรยานในโลโฟเตนเหมาะที่สุดในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ช่วงนี้อากาศอบอุ่นที่สุดและมีพระอาทิตย์เที่ยงคืน ทำให้นักปั่นสามารถออกเดินทางได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความมืด

    ฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ด้วยภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนสีและอากาศที่สดชื่น แต่สภาพอากาศอาจแปรปรวนและมีฝนตกมากกว่า ในขณะที่ฤดูหนาวแม้จะมีทิวทัศน์หิมะที่งดงาม แต่ไม่เหมาะสำหรับการปั่นจักรยานเนื่องจากสภาพถนนลื่นและอุณหภูมิต่ำจัด


    การเตรียมตัวสำหรับการปั่น

    การปั่นจักรยานในโลโฟเตนต้องการการเตรียมตัวที่ดี เพราะแม้จะเป็นฤดูร้อน อากาศก็ยังเย็นและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

    สิ่งที่ควรเตรียม ได้แก่:

    • จักรยานที่มีคุณภาพและเหมาะกับการปั่นระยะไกล หากไม่สะดวกนำมาเอง สามารถเช่าที่ท้องถิ่นได้
    • เสื้อผ้าที่เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ โดยเฉพาะเสื้อกันลมและกันฝน
    • อาหารและน้ำดื่มสำรอง เพราะบางช่วงเส้นทางอาจไม่มีร้านค้า
    • แผนที่หรือ GPS สำหรับนำทาง แม้ว่าเส้นทางหลักจะชัดเจน แต่การมีอุปกรณ์ช่วยนำทางจะทำให้มั่นใจมากขึ้น

    ความท้าทายและความปลอดภัย

    แม้การปั่นจักรยานในโลโฟเตนจะเต็มไปด้วยความสวยงาม แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องระวัง เช่น ถนนบางช่วงแคบและไม่มีไหล่ทาง รถยนต์อาจขับเร็ว โดยเฉพาะช่วงฤดูท่องเที่ยวที่มีนักเดินทางจำนวนมาก นอกจากนี้ สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเร็วก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง

    เพื่อความปลอดภัย ควรสวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง ปั่นจักรยานชิดขอบถนน และใช้ไฟจักรยานหรือเสื้อสะท้อนแสงเพื่อให้ผู้ขับขี่รถยนต์มองเห็นได้ชัดเจน


    ประสบการณ์ที่มากกว่าการปั่น

    สิ่งที่ทำให้การปั่นจักรยานในโลโฟเตนพิเศษกว่าที่อื่น ไม่ได้มีเพียงวิวธรรมชาติ แต่ยังรวมถึงการได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น หมู่บ้านชาวประมงที่ยังคงวิถีชีวิตดั้งเดิม ร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่ และการได้พูดคุยกับคนในพื้นที่ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางที่เติมเต็มประสบการณ์

    บางครั้งคุณอาจเลือกหยุดพักใน rorbu ซึ่งเป็นกระท่อมไม้ดั้งเดิมริมทะเลที่ถูกปรับปรุงให้เป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว การได้นอนฟังเสียงคลื่นซัดฝั่งในบ้านแบบชาวประมง เป็นประสบการณ์ที่ผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายและความโรแมนติกที่หาที่ไหนไม่ได้

    ตัวอย่างเส้นทางการปั่น 5–7 วันในโลโฟเตน

    สำหรับผู้ที่อยากสัมผัสโลโฟเตนอย่างเต็มที่ การปั่นจักรยาน 5–7 วันถือว่าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม โดยสามารถแบ่งการเดินทางได้ดังนี้

    วันที่ 1: Å → Reine (ประมาณ 10 กม.)

    เริ่มต้นจากหมู่บ้าน Å ซึ่งเป็นจุดใต้สุดของหมู่เกาะ เส้นทางสั้นและง่าย เหมาะสำหรับการปรับตัวก่อนการเดินทางไกล แวะชมทิวทัศน์ของ Reinefjord ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในวิวที่สวยที่สุดในนอร์เวย์

    วันที่ 2: Reine → Nusfjord (ประมาณ 40 กม.)

    เส้นทางผ่านสะพานและอ่าวเล็กๆ หลายแห่ง จุดหมายคือ Nusfjord หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของนอร์เวย์

    วันที่ 3: Nusfjord → Leknes (ประมาณ 35 กม.)

    เส้นทางวันนี้พาคุณผ่านภูเขาและหาดทราย เช่น Haukland Beach และ Uttakleiv Beach ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความงามระดับโลก

    วันที่ 4: Leknes → Henningsvær (ประมาณ 60 กม.)

    การปั่นที่ท้าทายมากขึ้น ผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย จุดหมายคือ Henningsvær หมู่บ้านที่มักถูกเรียกว่า “เวนิสแห่งโลโฟเตน” เต็มไปด้วยแกลเลอรีและร้านอาหารท้องถิ่น

    วันที่ 5: Henningsvær → Svolvær (ประมาณ 25 กม.)

    ระยะทางไม่ไกลนัก ปลายทางคือเมืองใหญ่ที่สุดของโลโฟเตน Svolvær ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางและกิจกรรมต่างๆ เช่น การปีนเขาและทัวร์ชมสัตว์ทะเล

    วันที่ 6–7: Svolvær → Kabelvåg → Laukvik (เพิ่มเติมอีก 50–70 กม.)

    หากมีเวลา สามารถต่อเส้นทางไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบเพื่อสัมผัสบรรยากาศชนบทอย่างแท้จริง


    การพักค้างคืน

    ตลอดเส้นทาง นักปั่นสามารถเลือกพักในที่พักหลากหลายรูปแบบ ได้แก่:

    • Rorbu: กระท่อมชาวประมงดั้งเดิมที่ปรับปรุงใหม่ บรรยากาศอบอุ่นและใกล้ชิดทะเล
    • โฮสเทลและเกสต์เฮาส์: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการที่พักราคาประหยัด
    • แคมป์ปิ้ง: โลโฟเตนอนุญาตให้กางเต็นท์ตามกฎหมาย “freedom to roam” ของนอร์เวย์ ตราบใดที่คุณเคารพธรรมชาติและไม่รบกวนผู้อื่น

    เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับนักปั่น

    1. ตรวจสอบสภาพอากาศทุกวัน เพราะฝนและลมแรงสามารถเปลี่ยนแปลงแผนการได้
    2. วางแผนเสบียงอาหาร ร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตมีไม่มากในบางเส้นทาง
    3. จองที่พักล่วงหน้าในฤดูร้อน เพราะโลโฟเตนเป็นจุดหมายยอดนิยมที่เต็มเร็ว
    4. ใช้จักรยานพร้อมเกียร์หลายระดับ เพื่อรับมือกับเส้นทางที่มีเนินสูง
    5. ให้เวลากับการหยุดชมวิว เพราะความสวยงามของโลโฟเตนไม่ได้อยู่แค่เส้นชัย แต่คือทุกช่วงทางที่คุณปั่นผ่าน

    งบประมาณโดยประมาณสำหรับการเดินทางปั่นจักรยานในโลโฟเตน

    การวางแผนงบประมาณเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากค่าครองชีพในนอร์เวย์ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศในยุโรป ต่อไปนี้คือค่าใช้จ่ายโดยประมาณที่นักปั่นควรเตรียมไว้:

    1. ค่าเช่าจักรยาน
      • จักรยานทัวริ่งหรือไฮบริด: 300–500 NOK ต่อวัน
      • จักรยานไฟฟ้า (E-bike): 500–700 NOK ต่อวัน
      • อุปกรณ์เสริม เช่น กระเป๋าจักรยานหรือหมวกกันน็อก มักมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
    2. ค่าที่พัก
      • Rorbu (กระท่อมชาวประมง): 1,200–2,500 NOK ต่อคืน สำหรับ 2–4 คน
      • เกสต์เฮาส์หรือโฮสเทล: 400–800 NOK ต่อคนต่อคืน
      • แคมป์ปิ้ง: ฟรีหากกางเต็นท์ตามกฎหมาย “freedom to roam” หรือประมาณ 200–300 NOK หากพักในแคมป์ไซต์ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก
    3. ค่าอาหาร
      • ร้านอาหารท้องถิ่น: มื้อหนึ่งประมาณ 150–300 NOK
      • ซูเปอร์มาร์เก็ตและทำอาหารเอง: 100–150 NOK ต่อมื้อ
      • นักปั่นหลายคนเลือกซื้อเสบียงจากซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อลดค่าใช้จ่าย
    4. ค่าเดินทางอื่นๆ
      • เรือเฟอร์รีที่เชื่อมเกาะต่างๆ: 50–150 NOK ต่อเที่ยว ขึ้นอยู่กับระยะทาง
      • รถบัสท้องถิ่น (หากต้องการย่นระยะบางช่วง): 100–200 NOK ต่อเที่ยว

    โดยรวมแล้ว งบประมาณต่อวันสำหรับนักปั่นจักรยานในโลโฟเตนจะอยู่ที่ 1,000–2,000 NOK ต่อคน ขึ้นอยู่กับรูปแบบการพักและการรับประทานอาหาร


    การเดินทางไปยังหมู่เกาะโลโฟเตน

    การเข้าถึงโลโฟเตนมีหลายวิธี นักปั่นสามารถเลือกได้ตามความสะดวก:

    1. ทางอากาศ
      • สนามบิน Leknes และ Svolvær มีเที่ยวบินภายในประเทศจากเมืองใหญ่ เช่น Oslo หรือ Bodø ใช้เวลาประมาณ 1–2 ชั่วโมง
      • หากนำจักรยานไปด้วย ควรตรวจสอบกฎการขนส่งจักรยานกับสายการบินล่วงหน้า
    2. ทางเรือ
      • Hurtigruten และเรือเฟอร์รีท้องถิ่นให้บริการเส้นทางจาก Bodø ไปยัง Moskenes ใช้เวลาประมาณ 3–4 ชั่วโมง
      • การเดินทางทางเรือเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการชมวิวทะเลและฟยอร์ด
    3. ทางรถยนต์และจักรยาน
      • หากเริ่มต้นจากแผ่นดินใหญ่ สามารถขับรถหรือนำจักรยานเข้ามาทางสะพานและอุโมงค์ที่เชื่อมต่อกับหมู่เกาะได้

    เคล็ดลับเพื่อการเดินทางที่ยั่งยืน

    การปั่นจักรยานในโลโฟเตนไม่เพียงเป็นการผจญภัยส่วนตัว แต่ยังเป็นการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเลือกใช้จักรยานแทนรถยนต์ช่วยลดรอยเท้าคาร์บอนและทำให้คุณได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดมากขึ้น

    สิ่งที่นักปั่นควรปฏิบัติ ได้แก่:

    • เก็บขยะทุกชิ้นออกจากเส้นทาง
    • เคารพพื้นที่ธรรมชาติและสัตว์ป่า
    • สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น เช่น ร้านอาหาร หมู่บ้านชาวประมง และผู้ให้บริการที่พัก

    บทสรุปสุดท้าย

    การปั่นจักรยานในหมู่เกาะโลโฟเตนคือประสบการณ์ที่รวมทุกองค์ประกอบของการเดินทางในฝัน ไม่ว่าจะเป็นภูมิทัศน์ที่สวยงามราวภาพวาด ความท้าทายทางร่างกาย ความเงียบสงบที่เติมเต็มจิตใจ และการได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างแท้จริง

    ทุกการปั่นไม่ใช่เพียงการเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่คือการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และระหว่างนักเดินทางกับผู้คนในพื้นที่ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาการผจญภัยที่มากกว่าการท่องเที่ยวทั่วไป โลโฟเตนคือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ และการปั่นจักรยานคือวิธีที่งดงามที่สุดในการสัมผัสหมู่เกาะแห่งนี้

    ปั่นจักรยานใน หมู่เกาะ โลโฟเทน: การผจญภัยสองล้อที่งดงาม
    Jesse Foster

    Related Posts

    เฮลิสกี: การเล่น สกี บนเนินที่เข้าถึงได้ด้วยเฮลิคอปเตอร์

    September 9, 2025

    หมู่บ้าน คาสเซิลคอมบ์: การเดินทางผ่านหมู่บ้านยุคกลางของอังกฤษ

    August 31, 2025

    หมู่เกาะคิริมบาส: สวรรค์ลับริมชายฝั่ง โมซัมบิก

    August 29, 2025

    Comments are closed.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.